"...ข้อเสนอของเราคือให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทุกจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการบริหาร/จัดการ/ดูแลผู้ป่วย/ส่งยาและอาหาร โดยบุคลากรสาธารณสุขของ สสจ.และอาสาสมัคร เพื่อขยายศักยภาพในเรื่องการดูแลผู้ป่วยโควิดนอกโรงพยาบาลให้ทันกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นมาก โดยให้ กระทรวงสาธารณสุขส่งผู้ตรวจราชการประจำเขตสุขภาพแต่ละเขต ลงไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยแก้ปัญหาให้แต่ละ สสจ. ทุกวัน จังหวัดละวัน โดยให้รายงานและขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือและแก้ปัญหาโดยตรงต่อปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข..."
.....................................
ท่าทางจะไปไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ และตัวเลขผู้ป่วยใหม่น่าจะไปถึงวันละ 20,000 ในสัปดาห์ต่อไป
ระบบการรับรักษาดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลล่มไปแล้ว จากการที่ไม่สามารถรับผู้ป่วยเข้ามารักษาเพิ่มได้ตามจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสิบเท่า เป็นเหตุให้เกิดการล้มตายข้างถนนและตายที่บ้านกันเป็นใบไม้ร่วง
แล้วระบบสาธารณสุขทั้งระบบจะล่มไปแล้วหรือยังนะ?
ขออนุญาตเสนอแนวทางจากคนเล็กๆที่อยู่หน้างาน ได้ไหมว่า ถ้าเราไม่ปรับระบบใหญ่ทั้งประเทศให้ดีแล้ว ถ้าตัวเลข20,000 คนเมื่อไหร่
ไม่ใช่แต่ระบบโรงพยาบาลที่ล่มนะ แต่ระบบสาธารณสุขก็จะพังพินาศไปด้วย ถ้าไม่เตรียมจัดการสถานการณ์สงครามแบบที่มันเป็นสงครามจริง ๆ
เราเสนออย่างนี้ได้ไหมว่า ในสถานการณ์สงครามนี้ ทางรอดเดียวในการที่ประเทศและผู้คนจะบอบช้ำและสูญเสียน้อยที่สุด มีแต่การขยาย Home Isolation HI)และ Community Isolation (CI)ให้กว้างขวางที่สุดในทุกพื้นที่
แนวทางนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขดูเหมือนจะประกาศเป็นนโยบายไปแล้วเช่นกัน
ที่เราคิดว่า เป็นปัญหาใหญ่คือ การปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายนี้ เพราะกลายเป็นว่า โรงพยาบาลทุกแห่งต้องพยายามขยาย ‘เตียงทิพย์’ของตัวเองให้มากขึ้น ขณะที่บทบาทหน้าที่ในการดูแลรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ต้องมารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีกำลังมาเสริมเติมให้
ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีศูนย์บริหารจัดการ HI หรือ CI เฉพาะ ที่ไม่ใช่ตามโรงพยาบาล
ข้อเสนอของเราคือให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)ทุกจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการบริหาร/จัดการ/ดูแลผู้ป่วย/ส่งยาและอาหาร โดยบุคลากรสาธารณสุขของ สสจ.และอาสาสมัคร เพื่อขยายศักยภาพในเรื่องการดูแลผู้ป่วยโควิดนอกโรงพยาบาลให้ทันกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นมาก โดยให้ กระทรวงสาธารณสุขส่งผู้ตรวจราชการประจำเขตสุขภาพแต่ละเขต ลงไปเป็นพี่เลี้ยงช่วยแก้ปัญหาให้แต่ละ สสจ. ทุกวัน จังหวัดละวัน โดยให้รายงานและขอรับการสนับสนุนช่วยเหลือและแก้ปัญหาโดยตรงต่อปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ระบบราชการและระบบการจัดซื้อจัดจ้างตลอดจนระบบการสั่งจ่ายงบประมาณของราชการทุกกระทรวง รวมทั้งสาธารณสุข มีปัญหาและมีขั้นตอนมากมาย
แต่ขณะนี้เราอยู่ในสถานการณ์สงครามและประเทศกำลังจะแพ้สงคราม
ฝ่ายอำนวยการและฝ่ายบริหารต้องส่งกำลังลงไปช่วยด่านหน้ารบและต้องเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ และงบประมาณลงไปกับผู้ตรวจราชการเขตที่ลงไปทุกวันในทุกจังหวัดด้วย
จะเป็นงบราชการลับหรืองบฉุกเฉินเร่งด่วนหรืองบอะไรสารพัดที่มีก็ได้ ถ้าคนที่จังหวัดบอกว่าไม่มีฟ้าทะลายโจรก็ให้ซื้อเลย
ถ้าไม่มี Oxy meter ก็ให้ไปซื้อจากร้านขายยาได้ 100 ชิ้น ไม่ต้องออกสเปค ไม่ต้องจัดซื้อจัดจ้าง
ถ้าไม่มีระบบขนส่ง( logistic )จัดส่งยาหรือจัดส่งเวชภัณฑ์ก็ให้เจรจาจัดหามอเตอร์ไซค์รับจ้างหรือแท็กซี่หรือ Grab หรือ linemanไปส่ง และให้จ่ายเงินได้โดยไม่ต้องพะวักพะวงเรื่องจะผิดขั้นตอน ขัดกฎหมายระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง เพราะชีวิตคนไทยที่ล้มตายไปแต่ละวันมีความสำคัญยิ่งไปกว่านั้นมาก
การเอาฝ่ายอำนวยการและฝ่ายเสนาธิการมาเป็นผู้ปฏิบัติงานในโครงการ HI หรือ CI นี้จะช่วยลดภาระหน้างานที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆวันในโรงพยาบาลอำเภอและโรงพยาบาลจังหวัด เพื่อให้คนในโรงพยาบาลไปใส่ใจเรื่องการดูแลช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มมากทุกวันในขณะนี้
นอกจากนั้นในฝ่ายอำนวยการและฝ่ายบังคับบัญชาในกระทรวงสาธารณสุขก็ควรทำอย่างเดียวกันด้วย
ในจังหวัดที่มีสีแดงเข้มในปริมณฑลทั้งหมด จะเป็นไปได้ไหมที่จะเอาหน่วยงานที่มีแพทย์และพยาบาลมากที่สุดคือ กรมต่าง ๆ ทั้ง 9 กรมในกระทรวงลงไปรับผิดชอบ HI และ CI ในจังหวัด ปริมณฑล กรมละหนึ่งจังหวัดให้อธิบดีซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพ ลงไปรับดูแลเป็นผู้บัญชาการสถานการณ์เฉพาะในเรื่อง HI และ CI ในแต่ละจังหวัดเลย
ถ้าอธิบดีลงไปก็แปลว่า กำลังคน เครื่องไม้เครื่องมือและระบบการจัดการของกรมก็จะต้องลงไปช่วยจังหวัดนั้น ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อให้จังหวัดปริมณฑลที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้มที่มีผู้ป่วยเพิ่มวันละเกือบพันคนเหล่านี้ มีศักยภาพสูงขึ้นในเรื่อง HI และ CI แทนที่จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปในระบบปกติ อย่างที่เป็นอยู่ โดยไม่ใส่ใจหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ประเทศกำลังจะล่มสลายตามไปกับระบบสาธารณสุขอยู่แล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
เราสงสัยว่าข้อเสนอจากคนข้างล่างอย่างนี้จะไปถึงที่ไหนบ้างไหมนะ และยังสงสัยด้วยว่า เขาจะตัดสินใจอะไรกันข้างบนอีกนะ
แต่จริงๆเราสงสัยมากกว่าว่า ประเทศนี้ ยังมีใครรับผิดชอบตัดสินใจอะไรอยู่หรือป่าวนะ?
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.law.tu.ac.th