- Home
- Thaireform
- หลากมิติ
- การเมืองและระบบยุติธรรม
- โฆษกศาลฯยันคดีสองตายายเก็บเห็ดในป่าสงวนยังไม่ถึงที่สุด
โฆษกศาลฯยันคดีสองตายายเก็บเห็ดในป่าสงวนยังไม่ถึงที่สุด
นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่สังคมมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นโจทก์ฟ้องสองตายายคือ นายอุดม ศิริสอน และนางแดง ศิริสอน เป็นจำเลย ในความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ และความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ หลังสองตายายถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมในขณะเข้าไปในป่าดงระแนง ตำบลหนองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีเนื้อที่ 72 ไร่ และอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยถูกกล่าวหาว่า บุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองและทำประโยชน์โดยการทำไม้ในป่าดังกล่าว และใช้เครื่องมือที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนทำการตัดและโค่นไม้สัก ไม้กระยาเลยที่เป็นไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไม้สัก ไม้กระยาเลยที่ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย จำนวน 1,148 ท่อน อยู่ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในวันฟ้อง และศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2554 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 30 ปี แต่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกคนละ 15 ปี พร้อมริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากป่าสงวนแห่งชาติที่เข้าไปครอบครอง
ต่อมา จำเลยทั้งสองได้อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่ที่รับสารภาพเพราะหลงเชื่อบุคคลภายนอกว่า คดีดังกล่าวมีเพียงโทษปรับเท่านั้น และมีความบกพร่องทางการได้ยิน รวมทั้งการดำเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้งสอง
ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิเคราะห์แล้ว พิพากษาแก้ในส่วนของข้อกฎหมาย โดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 14 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2555
ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างฎีกา ซึ่งเดิมศาลชั้นต้นได้กำหนดนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 20 เมษายน 2559 แต่ได้เลื่อนคดีไปเพื่อสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสองก่อนตามคำสั่งของศาลฎีกา และจำเลยทั้งสองก็ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกาแล้ว
ในระหว่างนี้ ขอให้สังคมอย่าด่วนวิพากษ์วิจารณ์ผลคดีว่า จำเลยทั้งสองจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะไม่ได้เจตนากระทำ ความผิดตามที่ถูกกล่าวหาขณะเดียวกัน ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่มีลักษณะชี้นำ บิดเบือน หรือทำให้สาธารณชนหลงผิด อันอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลและอาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงที่ถูกต้องในคดีดังกล่าว ขอให้เชื่อมั่นว่าศาลยุติธรรมจะพิจารณาพิพากษาคดีอย่างเป็นธรรมตามพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายและประเด็นที่ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกา โดยคำ นึงถึงสิทธิและเสรีภาพของจำ เลยทั้งสองและการให้ความคุ้มครองปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศภายใต้กรอบของกฎหมาย