- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- นายกฯล่องใต้เปิดถนนสาย 418 "ปณิธาน"ปูดการเมืองจ้องป่วน
นายกฯล่องใต้เปิดถนนสาย 418 "ปณิธาน"ปูดการเมืองจ้องป่วน
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แบบไปเช้าเย็นกลับของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ จะเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลาปีเศษ และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องระดมสรรพกำลังทุกส่วนเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของบุคคลระดับผู้นำประเทศ
ภารกิจที่สำคัญของนายกฯ นอกจากไปติดตามโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่บ้านซือเลาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เยี่ยมทหารพรานที่ จ.ยะลา และเยี่ยมชุมชนประมงพื้นบ้านที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ก็คือการเป็นประธานในพิธีเปิดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 ซึ่งเป็นถนนสายใหม่ขนาด 4 ช่องจราจรที่ก่อสร้างโดยกรมการทหารช่าง เชื่อมระหว่าง จ.ปัตตานี กับ จ.ยะลา
ถนนสายนี้แม้จะมีความยาวเพียง 29 กิโลเมตรเศษ แต่ก็ใช้เวลาก่อสร้างอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2544 และมีผู้รับเหมาหนีงานไปหลายรายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กระทั่งล่าสุดทหารช่างต้องเข้ามารับผิดชอบแทน และสร้างเสร็จเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นับเป็นถนนที่ผู้ประกอบการภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ต่างรอคอย เนื่องจากสามารถย่นระยะทางจากถนนสายเดิมซึ่งมีเพียง 2 ช่องจราจรได้ถึง 13 กิโลเมตร จึงช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้มาก อีกทั้งยังเป็นถนนที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีแยกไฟแดงเลยแม้แต่แห่งเดียว เพราะมีการสร้างสะพานยกระดับและสะพานกลับรถนับสิบแห่งแทน
อย่างไรก็ดี การลงพื้นที่ของนายกฯ ก็มีความเสี่ยงเรื่องการก่อเหตุรุนแรงเพื่อสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เนื่องจากการลงพื้นที่พร้อมกับ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบโดยเฉพาะการลอบวางระเบิดเกือบ 10 จุด และมีการขึ้นป้ายเป็นภาษายาวีแสดงการต่อต้านรัฐไทยอีกหลายสิบแห่ง
ล่าสุด พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่ เกาะติดความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมอย่างใกล้ชิด เพื่อกดดันไม่ให้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ได้ และใช้กำลังอีก 1,000 นาย รักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ที่นายกฯและคณะจะเดินทางผ่าน
ขณะเดียวกัน ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค.4) ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษบริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดและอำเภอ ทั้งยังจัดทีมลาดตระเวนทั้งทางบกและทางอากาศ โดยมีเฮลิคอปเตอร์คอยตรวจตราพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วย ขณะที่ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รมน.ภาค 4 ได้เดินทางไปตรวจความเรียบร้อยบนทางหลวงหมายเลข 418 ด้วยตนเอง
ที่ จ.นราธิวาส มีการสนธิกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง จำนวนกว่า 800 นาย ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายต้องสงสัยรวม 35 จุด ในพื้นที่ 13 อำเภอของจังหวัด เพื่อทลายเครือข่ายแนวร่วมกลุ่มผู้ไม่หวังดี ป้องกันการก่อเหตุร้ายในวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ โดยผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้ 1 รายในพื้นที่ อ.ตากใบ และจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้อีก 5 ราย
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในส่วนของการรักษาความปลอดภัยระหว่างการลงพื้นที่ของคณะนายกรัฐมนตรีนั้น ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแล้ว โดยจะไม่ดึงเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยให้มารวมอยู่ในบริเวณเดียว แต่จะให้กระจายกำลังไปตามจุดต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสร้างสถานการณ์ป่วน เนื่องจากทางการข่าวทราบว่ามีกลุ่มการเมืองพยายามเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยดึงเอากลุ่มคนนอกพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ตลอดวันที่ 6 ม.ค.หรือ 1 วันก่อนการลงพื้นที่ของนายกฯ มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย ที่ จ.ปัตตานี คนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จ่อยิง นายจตุรงค์ ประดิษฐ์รุ่งวัฒนา อายุ 57 ปี พ่อค้าจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ เสียชีวิตขณะขับรถกระบะนำอะไหล่ไปส่งที่ร้านซ่อมรถไม่มีชื่อ ในท้องที่ หมู่ 4 ต.ระแว้ง อ.ยะรัง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัวหรือเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ส่วนที่ จ.นราธิวาส คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิง นางซัลมา สะนิ อายุ 35 ปี อาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ขณะขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายจะแนะ-ดุซงญอ ท้องที่หมู่ 2 ต.จะแนะ มุ่งหน้าไปทำงานที่อำเภอ กระสุนปืนเจาะเข้าที่กลางหลังเสียชีวิต เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
ที่ จ.นราธิวาส เช่นกัน น.ท.พงษ์ศักดิ์ ทองไสย ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 33 สนธิกำลังกับ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส อาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกบุกจู่โจมตรวจค้นบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยริมถนนระแงะมรรคา ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มสมาชิกแนวร่วมก่อความไม่สงบแฝงตัวเข้าไปกบดานเพื่อฉวยโอกาสลอบก่อเหตุร้ายในวันที่นายกฯเดินทางลงพื้นที่
อย่างไรก็ดี ผู้ต้องสงสัยที่อยู่ภายในบ้านราว 5-6 คนไหวตัวเสียก่อน จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี และวิ่งหนีเข้าไปในสวนเงาะห่างจากบ้านเช่าประมาณ 150 เมตร เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไปจึงเกิดการยิงปะทะกันนานประมาณ 2 ชั่วโมง มีการขอกำลังเสริมทางอากาศให้ช่วยบินชี้เป้าด้วย
หลังเสียงปืนสงบ พบผู้เสียชีวิต 1 รายคือ นายนิซายูตี นิแม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 2 ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ตามประวัติของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า นายนิซายูตีเป็นสมาชิกหน่วยรบขนาดเล็ก (อาร์เคเค) ถูกออกหมายจับถึง 14 คดี ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในท้องที่ อ.ระแงะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.เมือง จ.นราธิวาส นอกจากนั้นยังพบว่า นายนิซายูตี เป็นหนึ่งใน 6 ผู้ต้องหาที่แหกห้องขัง สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อ 2 ปีก่อนด้วย ส่วนภายในบ้านเช่า พบของกลางอีกหลายรายการ อาทิ อุปกรณ์ประกอบระเบิด ชุดลายพรางทหาร จึงเก็บรวบรวมส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป
-----------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจาก จรูญ ทองนวล ศูนย์ภาพเนชั่น
อ่านประกอบ : ถนนสาย 418...ของขวัญปีใหม่แด่พี่น้องชายแดนใต้