- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- บึ้มป่วน 2 จุดที่นราฯรับ”ปล้นปืน” เผยข้อมูล 6 ปียึดคืนได้ 54 กระบอก
บึ้มป่วน 2 จุดที่นราฯรับ”ปล้นปืน” เผยข้อมูล 6 ปียึดคืนได้ 54 กระบอก
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
6 ปีปล้นปืน กลุ่มก่อความไม่สงบวางระเบิดถังดับเพลิงหนัก 20 กิโลฯ ดักสังหารทหารชุดลาดตระเวนที่เจาะไอร้อง พร้อมรัวเอ็ม 16 อาก้าถล่มซ้ำ โชคดีนั่งรถหุ้มเกราะจึงไร้คนเจ็บ ส่วนที่ตากใบดักบึ้มอีกจุด ชาวบ้านโดนลูกหลงเจ็บ 2 เผยผ่านมา 6 ปียึดปืนคืนได้ 54 กระบอกจากที่ถูกปล้นไป 413 กระบอก
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2553 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 6 ปีเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นั้น ปรากฏว่ามีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ้างประปราย โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 4 ม.ค.2553 พ.ต.ท.เลียบ พรหมจันทร์ รองผู้กำกับการกลุ่มงานสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.จันที แจ่มจันทร์ หัวหน้ากองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พ.ท.ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 และ ร.ต.ท.ชัชวาลย์ ผูกพัน พนักงานสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ จ.นราธิวาส ได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบเหตุระเบิดบนถนนสายเจาะไอร้อง-ไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง ห่างจากโรงเรียนสัมพันธ์วิทยาประมาณ 200 เมตร เหตุเกิดตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงจะเป็นแผนดักซุ่มโจมตี
ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดลึก 60 เซ็นติเมตร กว้าง 150 เซ็นติเมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังดับเพลิงน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ กระจายเกลื่อนถนน
สอบสวนทราบว่า คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดโดยลากสายไฟเข้าไปในป่ายางพาราข้างทาง เพื่อหวังสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุด ร้อย ร.15134 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 31 ที่กำลังออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเส้นทางโดยใช้รถหุ้มเกราะ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม 16 และอาก้า ตกอยู่ในป่ายางพาราจำนวนกว่า 30 ปลอกด้วย จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จ.ส.อ.ลอย ธรรมสาระ อายุ 45 ปี หัวหน้าชุด กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำกำลัง รวม 4 นาย นั่งรถหุ้มเกราะออกจากฐานเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในป่ายางพาราข้างทาง ใช้แบตเตอรี่กดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ฝังไว้กลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และอาก้ายิงถล่มซ้ำ ทำให้รถหุ้มเกราะได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ
ส่วนที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่ ส.อ.ประสาน นิลประดับ หัวหน้าชุด ร้อย ร.1531 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 นำกำลังรวม 4 นายขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันออกจากฐานในโรงเรียนบ้านบางขุนทอง หมู่ 1 ต.บางขุนทอง อ.ตากใบ เพื่อลาดตระเวนเส้นทางนั้น ปรากฏว่าเมื่อออกจากฐานได้เพียง 200 เมตร ถูกคนร้ายใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ซึ่งนำไปวางไว้ในพงหญ้าข้างทาง แรงระเบิดทำให้ชาวบ้าน 2 คนที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย
เผารถ-รัวเอ็ม 16 ดับอดีตผู้ใหญ่บ้านที่บาเจาะ
ต่อมาเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 4 ม.ค. พ.ต.ท.ปกป้อง ท่อแก้ว สารวัตรเวร สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผารถกระบะและยิงประชาชนเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 117/1 บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บจ 6607 นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่ในโรงรถข้างบ้านเลขที่ 117/1 เจ้าหน้าที่จึงประสานรถน้ำให้เข้าฉีดน้ำดับเพลิง
เมื่อเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบภายในโรงรถ พบศพ นายดอเซ็ง มาลอ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะเหนือ
นอนจมกองเลือดอยู่ข้างซากรถกระบะ โดยมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าที่บริเวณหน้าอก 3 นัด ส่วนที่ซากรถกระบะ พบคราบน้ำมันเชื้อเพลิงและเศษผ้าชุบน้ำมันจำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และลูกซองตกเกลื่อน
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายดอเซ็ง พร้อมภรรยาและลูกรวม 3 คนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้าน จากนั้นมีคนร้าย 2-3 คนลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงราดใส่เศษผ้าแล้วนำไปวางไว้ที่ล้อหน้าด้านซ้ายของรถ ก่อนจุดไฟเผา เมื่อ นายดอเซ็ง ได้กลิ่นเหม็นไหม้จึงวิ่งออกมาดู เห็นเพลิงกำลังลุกไหม้รถกระบะอยู่ จึงรีบนำน้ำไปสาดดับไฟ แต่จังหวะนั้นเอง คนร้ายซึ่งดักซุ่มอยู่ริมรั้วบ้าน ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกซองยิงใส่นายดอเซ็งจนเสียชีวิต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะผู้ตายให้ความร่วมมือกับรัฐเป็นอย่างดีมาตลอด
6 ปีปล้นปืนติดตามคืนได้ 54 กระบอก
ด้านความคืบหน้าเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุรุนแรงรายวันในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบันนั้น ที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจนว่าปืนที่ถูกปล้นไปมีกี่กระบอกกันแน่ และทางฝ่ายความมั่นคงยึดคืนกลับมาได้แล้วกี่กระบอก
จากการตรวจสอบของ “ทีมข่าวอิศรา” ในวาระครบรอบ 6 ปีเหตุการณ์ปล้นปืน พบว่า ยอดปืนที่ถูกปล้นจากกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 413 กระบอก โดยปืนที่ถูกปล้นมี 4 ประเภท คือ
1. ปืนเล็กยาว เอ็ม 16 เอ 1 (ปลย.M.16 A 1) จำนวน 380 กระบอก
2. ปืนพกแบบ 86 (ปพ.86) หรือปืนโคลท์ (Colt M1911A1) ใช้กระสุนขนาด .45 หรือ 11 มม.จำนวน 24 กระบอก
3. เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 จำนวน 7 กระบอก
4. ปืนกลเอ็ม 60 จำนวน 2 กระบอก
สำหรับสถิติการติดตามยึดคืนปืนที่ถูกปล้นไปนั้น แยกได้ดังนี้
1. ปืนเอ็ม 16 ถูกปล้นไป 380 กระบอก ติดตามคืนได้ทั้งสิ้น 49 กระบอก คงเหลือ 331 กระบอก
2. ปืนพกแบบ 86 ถูกปล้นไป 24 กระบอก ติดตามคืนได้ 5 กระบอก คงเหลือ 19 กระบอก
ส่วนเครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 7 และปืนกล เอ็ม 60 นั้น ยังติดตามคืนไม่ได้เลยแม้แต่กระบอกเดียว รวมอาวุธปืนที่ติดตามคืนได้จนถึงกลางปี 2552 ทั้งสิ้น 54 กระบอก คงเหลือ 359 กระบอก (ตัวเลขอย่างเป็นทางการนับถึงกลางปี 2552 ยังไม่รวมที่ยึดได้เพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่งช่วงครึ่งปีหลัง)