- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ศาลยกฟ้องขอเพิกถอนใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวล
ศาลยกฟ้องขอเพิกถอนใบอนุญาตโรงไฟฟ้าชีวมวล
วันที่ 25 ก.พ. 2560 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ยกฟ้อง ในคดีที่ นายอำพัน ชิมโมกย์ กับพวก รวม 833 คน ซึ่งเป็นชาวบ้าน ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่รวมตัวกันเป็นชุมชนท้องถิ่น ในนามชมรมรักษ์เขาไม้แก้ว ยื่นฟ้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, กรมโรงงานอุตสาหกรรม, ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี, อุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี, องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว, นายฉกัน ลีอุต บริษัท เค เอส มาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์เนชันแนล จำกัด เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-7 กรณีขอให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานที่ (สรช. 5) 02-58/2556 ทะเบียนโรงงานเลขที่ 3-88-43/56 ปจ. ลงวันที่ 10 พ.ค. 2556 ที่อนุญาตให้บริษัท เค เอส มาร์เก็ตติ้ง อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า จากเชื้อเพลิงชีวมวลกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ณ ที่ตั้งเลขที่ 19 หมู่ 3 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และขอให้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งบริษัทฯ ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ก่อสร้างให้คืนสู่สภาพเดิม ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากสถานที่ก่อสร้างให้เสร็จสิ้น
โดยศาลให้เหตุผลว่า โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล ไม่ใช่โครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ตามที่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม, ทรัพยากรธรรมชาติที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนจะต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2553 ลงวันที่ 31 ส.ค. 2553 จึงไม่จำเป็นต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ 40 และเมื่อพิจารณาการออกใบอนุญาตฯ พบว่า ก่อนคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะพิจารณาออกใบอนุญาตให้ บริษัท เคเอส มาร์เก็ตติ้งฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีกระบวนการประชาคมหมู่บ้าน เปิดโอกาสให้ประชาชน ต.เขาไม้แก้ว รับทราบข้อมูล, คำชี้แจง, เหตุผล และแสดงความคิดเห็นตน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา จึงเพียงพอที่จะฟังได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตซึ่งมีฐานะเป็นส่วนราชการ ว่ามีการดำเนินการจัดให้มีการประชาสัมพันธ์รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในท้องถิ่นตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามสมควรแก่กรณีแล้ว
ส่วนที่อ้างว่า การผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวลของ บริษัท เคเอส มาร์เก็ตติ้งฯ ใช้เหง้ามันสำปะหลังในกระบวนการผลิตย่อมก่อให้เกิดขี้เถ้า, ฝุ่นละออง และอาจเกิดผลกระทบต่อน้ำในคลองเขาไม้แก้ว เสี่ยงกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม, สุขอนามัย และคุณภาพชีวิตนั้น เห็นว่า แม้โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ESA) ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัท เคเอส มาร์เก็ตติ้งฯ ได้จัดทำรายงาน ESA เสนอต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อประกอบการยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน มีการกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งในระยะก่อสร้างและดำเนินการ และกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้มีการกำหนดเงื่อนไขประกอบการอนุญาตให้โครงการ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดแล้ว ข้ออ้างดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้อกังวลที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น เพราะปัจจุบันยังไม่ได้เปิดทำการโรงไฟฟ้า กรณีนี้จึงยังไม่ใช่เหตุที่ทำให้การออกใบอนุญาตดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากในอนาคตเปิดทำการโรงไฟฟ้าแล้วก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน นายอำพันและพวกก็สามารถใช้สิทธิยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ จึงเห็นว่า การออกใบอนุญาตให้ บริษัท เคเอส มาร์เก็ตติ้งฯ ประกอบกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล เป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว