- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- คว้าน้ำเหลว! 'ไร้เงาธัมมชโย' หลัง DSI ค้นทั่วธรรมกาย
คว้าน้ำเหลว! 'ไร้เงาธัมมชโย' หลัง DSI ค้นทั่วธรรมกาย
คว้าน้ำเหลว! หลัง DSI ค้น 19จุด ทั่ววัดพระธรรมกาย 'ไร้เงาธัมมชโย'
-16ก.พ.60- เวลา16.00น.ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า หลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ หลังจากหัวหน้า คสช. มีคำสั่งที่ 5/2560 เรื่อง มาตรการให้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย บริเวณวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี และพื้นที่โดยรอบ โดยวันนี้มีการตรวจค้น19จุด เเต่ไม่พบตัวพระธัมมชโยภายในวัดพระธรรมกายเเต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกายยืนยันว่า การตรวจค้นวันนี้ไม่น่าพบพระธัมมชโยเพราะได้หลบหนีออกไปเเล้ว
โดยความเห็นในเรื่องนี้ของสังคมออนไลน์นั้นมีการวิจารณ์กันมากในประเด็นว่าหลังเข้าตรวจค้นจะพบตัวอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายหรือไม่ โดยส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าไม่มีทางพบตัวพระธัมมชโยในการตรวจค้นครั้งนี้ที่ถือเป็นการตรวจค้นครั้งที่3 โดยบรรยากาศการตรวจค้นนั้นมีการระดมพระสงฆ์เเละลูกศิษย์วัดยืนขาวงในบางจุดโดยอ้างยืนสวดมนต์ให้ครบ 30 ล้านจบ
ฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เเจกหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีให้ผู้สื่อข่าว โดยอ้างถึงพระมูกูนูเวล่า อนุรุทธะเถโร ประธานสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลกเป็นผู้เขียนหนังสือร้องเรียนนี้ ใจความว่า"เจริญพร ฯพณฯท่าน พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วัดพระธรรมกาย หนึ่งในวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หลวงพ่อธัมมชโยหรือ พระเทพญาณมหามุนีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กำลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตั้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมทั้ง สื่อข่าวต่างๆของไทยที่ก่อกวนทำให้เกิดความไม่สงบ และ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่พระเทพญาณมหามุนี เบื้องหลังของเรื่องนี้คือ การฟ้องคดีที่ก่อให้เกิดการโต้แย้งเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายต่อเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายนี้เป็นสิ่งที่พวกเราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าพระเทพญาณมหามุนีนั้นถูกกล่าวหาอย่างไม่ถูกต้อง
ดีเอสไอ นั้น ได้กระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรงต่อกรณีของพระเทพญานมหามุนี รวมไปถึงการออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนีในกรณีที่ไม่ได้เข้าฟังเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แม้ว่าทางทีมกฎหมายของวัดพระธรรมกายได้เรียกร้องให้ดีเอสไอเข้ามาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาหลวงพ่อธัมมชโยภายในวัดเนื่องจากเงื่อนไขทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากคณะแพทย์. และทางวัดยังได้ยืนยันให้ทางดีเอสไอส่งคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิสูจน์เงื่อนไขทางด้านสุขภาพของเจ้าอาวาส แต่ดีเอสไอกลับปฏิเสธอย่างน่าสงสัยและออกหมายจับเจ้าอาวาส เป็นการละเมิดสิทธิของผู้ป่วยที่ควรได้อยู่ในสภาพการดูแลอย่างเหมาะสม
ดีเอสไอได้ข่มขู่ด้วยการใช้กองกำลังติดอาวุธถึง 2,200 นาย เพื่อที่จะจับพระอาพาธอายุกว่า 72 ปี ซึ่งท่านได้อุทิศชีวิตเพื่อการสนับสนุนและขยายงานพระพุทธศาสนาและสันติภาพ พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างไร ประเทศซึ่งมีจำนวนประชากรถึง 95% เป็นชาวพุทธ ทัศนคติและการกระทำของดีเอสไอนั้นไร้ซึ่งความยุติธรรมและเกินกว่าเหตุ การกระทำเช่นนี้ของดีเอสไอจะเป็นการทำให้บั่นทอนกำลังใจขององค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานเพื่อการสร้างสันติภาพและคุณค่าทางศีลธรรมให้เกิดขึ้นในอนาคตได้
เราขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้พิจารณาในเรื่องนี้ และ รับรองว่าจะใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหาที่ดีเอสไอมีต่อวัดพระธรรมกาย เราเชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะรับทราบและเข้าใจต่อความอ่อนไหวของเรื่องนี้และกระทำการใดๆต่อพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาด้วยความเมตตาและกรุณา ด้วยความเคารพ"
ส่วนนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ออกเเถลงการณ์ถึงสื่อมวลชนหลังมอบตัวสู้คดีในข้อหายุยงปลุกปั่นฯว่า" เรียน ท่านสื่อมวลชนและยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน จากกระแสข่าวการเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีนั้น กระผมขอยืนยันอีกครั้งว่าในการทำหน้าที่โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายตลอดมา การแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ทุกครั้ง กระผมมีความตั้งใจจริงในการนำเสนอความจริงที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชนสู่ประชาชน เป็นการพูดการให้สัมภาษณ์โดยหลักการเท่านั้น เพียงเพื่อหวังให้ทางราชการได้เข้าใจและรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชน คือ คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อให้ก่อเกิดเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้สำเร็จลุล่วงด้วยความสงบเรียบร้อย
กระผมเชื่อมั่นในความถูกต้องและบริสุทธิ์ใจของตน จึงได้เข้ามอบตัวสู้คดีแก้ข้อกล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ในโอกาสนี้ ขอกราบแทบเท้าขอบพระคุณในความเมตตาห่วงใยของคณะสงฆ์ทุกรูป และขอบพระคุณทุกๆ กำลังใจ พร้อมความรัก ความห่วงใจของเหล่ายอดกัลยาณมิตร เพื่อนสนิทมิตรสหาย สัมพันธชนทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
"เวลาบนโลกนี้นั้นสั้นนัก หากคิดไปแล้วไม่ถึง 100 ปี ก็จะตายกันหมด ขอทุกท่านจงใช้เวลาอันน้อยนิดนี้ สร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังเถิด และจงไม่หวั่นไหวในการสร้างสิ่งที่ดีร่วมกันต่อไป"
ขอกราบอนุโมทนาบุญครับ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา16.10น. ที่ประตู 1 วัดพระธรรมกาย พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยทีมงาน และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอบางส่วนได้เดินทางออกจากวัดพระธรรมกาย ก่อนจะขึ้นรถและเดินทางออกไป เเต่สื่อมวลชนหลายสำนัก ยังปักหลักติดตามการข่าวครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. เปิดเผยกรณีที่มีการใช้ ม.44 เพื่ออำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายต่อกรณีวัดพระธรรมกายว่า เนื่องจากที่ผ่านมาแม้จะมีการออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ทั้งในเรื่องการจับกุม ตรวจค้น เนื่องจากมีการขัดขวางจาก เครือข่ายมวลชน และลูกศิษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ดังนั้นเพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้ จึงได้มีการคำสั่งดังกล่าวออกมา
ส่วนการที่ดีเอสไอ ประสานขอกำลังทหารเข้าไปสนับสนุนนั้น ก็เป็นกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานบริเวณรอบวัดพระธรรมกายเท่านั้น เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่จัดกำลังจากกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) ดูแลพื้นที่ดังกล่าวอยู่แล้ว ซึ่งกำลังส่วนนี้ก็จะทำหน้าที่ในการ ประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนเข้าไปข้างในวัด และอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการออกมาภายนอก
“ กำลังทหารไม่ได้เข้าไปปฏิบัติการในวัด แต่อยู่ภายในนอกเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการจราจร ป้องกันพวกมือที่สามที่สร้างความวุ่นวาย การสร้างประเด็นปลุกระดมบิดเบือนเพื่อให้เกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือในการเข้าไปตรวจค้น สถานการณ์โดยภาพรวมสงบเรียบร้อยดี” ทีมโฆษก คสช. ระบุ
ขอบคุณข่าวจาก