- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'สธ.'ระบุกระแสยาอมเสี่ยงดื้อยา พบอันตรายถอนออกจากตำรับยา
'สธ.'ระบุกระแสยาอมเสี่ยงดื้อยา พบอันตรายถอนออกจากตำรับยา
30 มิ.ย.59 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยนายวิศิษฏ์ ตั้งนภากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุม ว่าที่ประชุมรายงานความคืบหน้าการทำงานของอนุกรรมการที่กำหนดยาที่ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ การใช้ยาอย่างเหมาะสม รวมถึงการกำหนดราคากลางของยาและที่ประชุมเสนอยุทธศาสตร์ตามแผน 5 ปีตั้งแต่ปี 2560-2564
"ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นที่ประชาชนเข้าถึงยาลำบาก ยามีราคาแพง มีตำรับยาที่ไม่เหมาะสม การใช้ยาที่ไม่สมเหตุผลจนกระทั่งทำให้เกิดการดื้อยา และส่งเสริมการวิจัยและส่งเสริมให้มีการใช้สมุนไพร หรือส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อทำให้ไทยมีความมั่นคงทางยา สามารถผลิตยาในประเทศได้เพื่อทำให้ต้นทุนถูกลง และหากเป็นไปได้อาจมีการส่งออกยา เมื่อพิจารณาแล้วเสร็จ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไปเพื่อผลักดันเป็นยุทธศาสตร์ชาติ" พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
เมื่อถามว่าสธ.ต้องเข้าไปควบคุมยาสมุนไพรที่เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) หรือไม่ นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ถ้ากรณีใช้สมุนไพรในรูปแบบวัตถุดิบ กฎหมายไทยยังไม่ชัดเจน แต่หากนำมาขึ้นตำรับยาเม็ด หรือแผนโบราณซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พิจารณาว่ามีความเหมาะสมและมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยหรือไม่ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมายาแผนโบราณส่วนใหญ่ถูกตีตกคือไม่ได้รับการอนุมัติในตำรับยาเพราะไม่มีประโยชน์หรืออาจเป็นอันตรายก็มีแนวโน้มสูงอยู่
เมื่อถามถึงกรณีตัวยาที่มีเชื้อแบคทีเรียปะปนจะมีการถอนออกจากบัญชียาหรือไม่ นายวิศิษฏ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าววันนี้ ส่วนสถานการณ์การดื้อยาโดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ต้องยอมรับว่ามีแนวโน้มค่อนข้างสูง จึงหารือว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีส่วนร่วมเฝ้าระวังในการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล สิ่งสำคัญคือการใช้ยาในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะภาคปศุสัตว์และประมงที่รัฐกำลังศึกษาเฝ้าระวังสถานการณ์เพื่อจัดระบบใช้ยาอย่างสมเหตุผลเพื่อป้องกันการดื้อยา
ส่วนกระแสข่าวยาอมยี่ห้อหนึ่งหากบริโภคจำนวนมากจะเกิดอาการดื้อยานั้น เป็นประเด็นที่ทางวิชาการกำลังหาข้อสรุป และหากเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ในการรักษา อาจเกิดปัญหาเชื้อดื้อยาหากผลทางด้านวิชาการศึกษาพบว่ายาอมดังกล่าวมีผลให้เกิดเชื้อดื้อยา จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาขององค์การอาหารและยา เพื่อพิจารณาว่าจะมีการถอนยาดังกล่าวออกจากบัญชียาหรือไม่ ซึ่งขณะนี้การพิจารณาดังกล่าวใกล้แล้วเสร็จ
“ขณะนี้ตัวยาดังกล่าวที่วิจารณ์กัน ยังไม่สามารถหยุดให้จำหน่ายได้เพราะตามอำนาจของเจ้าของยามีสิทธิตามกฎหมายเพราะยังไม่ได้ถอนออกจากตำรับยาในการจำหน่าย ส่วนสถานพยาบาลของรัฐจะเป็นการขอความร่วมมือมากกว่า ส่วนยาอมในท้องตลาดที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะรวมมองเป็นภาพรวมมากว่าว่าตัวยาใดส่งผลทำให้เกิดเชื้อการดื้อยาอาจจะต้องมีการทบทวน” นายวิศิษฏ์ กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก