ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ฯ‘ลุงตู่’ยก 3 ข้อแจ้ง‘อาจารย์สาว’ขอโอนกลับบ้าน‘ช่วยไม่ได้’
ผอ.ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบฯ สำนักปลัดนายกฯ ยก 3 ข้อ แจ้งอาจารย์สาววิทยาลัยชุมชนพิจิตรเหยื่อคดีทำร้ายขอโอนย้ายกลับภูมิลำเนา คู่กรณีไม่ได้คุกคาม มีคดีฟ้องอธิการ มรภ.นครสวรรค์ ขัดแนวทาง คปร. เจ้าตัวยันฟังข้อมูลผิด ท้อใจกลไกรัฐเป็นที่พึ่ง ขรก.ผู้น้อยมิได้
กรณี นางปณิชา ศรีจักร์ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู สังกัดวิทยาลัยชุมชนพิจิตร สำนักบริหารวิทยาลัยชุมชน ได้ทำเรื่องถึงผู้บังคับบัญชาเพื่อขอโอนย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากวิตกในเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเพราะเคยถูกข้าราชการเพื่อนร่วมงานพยายามทำร้าย ต่อมา ได้ส่งหนังสือขอความเป็นธรรม ถึงเลขานุการ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรณี ไม่ดำเนินการ รวมทั้งไม่ให้ความสำคัญ ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของบุคลากรผู้ใต้บังคับบัญชาชั้นผู้น้อย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ล่าสุด เมื่อ 25 พ.ย. 58 นายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือแจ้งกลับมายังผู้ร้องเรียนสรุปสาระสำคัญได้ว่า กระทรวงศึกษาธิการโดยสถาบันวิทยาลัยชุมชนได้รายงานผลการพิจารณาสรุปได้ว่า
1.ประเด็นในคดีอาญาที่ผู้ร้องเรียนเป็นผู้เสียหายนั้น หลังจากจำเลยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา และพ้นโทษแล้วเมื่อ 17 ส.ค.54 ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้มาคุกคามผู้ร้องเรียนแต่อย่างใด
2.ประเด็นในเรื่องการให้ความช่วยเหลือข้าราชการในหน่วยงานในเรื่องความปลอดภัยในชีวิต สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ให้ท่านช่วยปฏิบัติราชการ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.52-11 ก.ย.57 รวมเป็นเวลา 5 ปี 6 เดือน เมื่อ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ไม่มีความประสงค์จะให้ท่านช่วยราชการต่อ ได้มีหนังสือถึงเลขาธิการ คณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยแจ้งว่าเนื่องจากท่านได้ฟ้องอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ จึงไม่ยอมให้ผู้ร้องช่วยปฏิบัติราชการต่อ เพราะเกรงจะมีปัญหาในการบังคับบัญชา และได้ประสานสำนักบริหารงานวิทยาลัยชุมชนไว้เป็นการล่วงหน้าแล้ว เลขาธิการ คณะกรรมการการอุดมศึกษาจึงสั่งท่านกลับไปปฏิบัติงานที่วิทยาลัยชุมชนพิจิตร
3.กรณีโอนย้ายไปมหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ ไม่สามารถทำได้ เพราะขัดกับแนวทางของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ซึ่งต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อยกเว้นแนวทางดังกล่าวซึ่งใช้บังคับกับข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา แต่คณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) มีมติไม่นำเสนอคณะรัฐมนตรีในการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้ร้องขอความอนุเคราะห์เยียวยา ขอโอนย้ายตัดหมายเลขไปวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประสานส่งคำร้องของผู้ร้อง ฉบับ 16 พ.ย.58 ไปให้กระทรวงศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาต่อไปแล้ว
นางปณิชา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากหนังสือแจ้งจากสำนักปลัดสำนักนายกฯ เห็นได้ว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนโดยอาจได้รับรายงานข้อมูลที่ไม่ตรงตามข้อเท็จจริงจากบุคคลหรือหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ แท้ที่จริงมีความประสงค์ขอจะย้ายกลับภูมิลำเนาในพื้นที่อำเภอเมืองนครสวรรค์ เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย มิได้มีความประสงค์เป็นการเฉพาะรับราชการสังกัด มรภ.นครสวรรค์แต่อย่างใด ได้เรียกร้องต่อสู้มานาน จนรู้สึกท้อใจและเห็นว่ากลไกของทางราชการไม่สามารถเป็นที่พึ่งของข้าราชการชั้นผู้น้อยได้อย่างแท้จริง
อ่านประกอบ :
อาจารย์สาวโต้เลขาฯ สกอ.กรณี‘ขอย้าย’หลังถูกทำร้าย-ซัดถ้าเป็นเพศชายจะไม่ร้องเรียน
ร้อง ศอตช.สอบ บิ๊ก ก.ศึกษาฯปมโอนย้ายอาจารย์สาวคดีถูกทำร้าย
หนังสือ 6 ฉบับ“อาจารย์สาว”อดีตเหยื่อคดีล่วงละเมิด “ผู้มีอำนาจ”ไม่ได้ฟัง!
อาจารย์สาวเหยื่อคดีทำร้ายผวา!“ถูกคุกคามหนัก”วอนผู้บังคับบัญชาย้ายกลับภูมิลำเนา