ในการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล เวลานักสู้ 2 คนเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง และต้องการจะเพิ่มพลังการต่อสู้ จะยื่นนิ้วชี้ไปแตะกัน แล้วตะโกนว่า “ฟิวชั่น(Fusion)!!!” เพื่อรวมร่างเพิ่มความสามารถ
แต่ในวงการสื่อไทย ยุคนี้ แค่เอานิ้วชี้มาแตะกัน ถึงจะตะโกนอะไรออกมา คงจะเพิ่มพลังการต่อสู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับ “สื่อเก่า” อย่างสิ่งพิมพ์ หรือ นสพ. ที่เจอ “สื่อใหม่” อย่างอินเตอร์เน็ต-โซเขียลมีเดีย ถาโถมมารุกคืบกินแดน จนกลายเป็นภัยคุกคาม ด้วยความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูล-ข่าวสาร ราว "สึนามิ"
1 ใน “วิชาก้นหีบ” ที่คนในองค์กรสื่อ นสพ.หยิบมาใช้เพื่อยืดวันตาย ก็คือแนวคิดเรื่อง “Newsroom Convergence” แปลเป็นไทยก็คือ "การหลอมรวมห้องข่าว"
คำถามที่จะตามมา ...แล้วมันคืออะไรล่ะ?
ในงานวิจัยเรื่อง “ยุทธศาสตร์การปรับตัวองค์กรสื่อสู่ Convergence Media” ของ 2 ผู้วิจัยสาว “น.ส.อศินา พรวศิน” ผู้สื่อข่าวสายไอที เครือเนชั่น กับ “อ.สกุลศรี ศรีสารคาม” จาก ม.ธุรกิตบัณฑิตย์ ได้นิยามศัพท์ดังกล่าวไว้ ว่า หมายถึงกระบวนการเพิ่มความร่วมมือ และการทำงานร่วมกันของกอง บ.ก.ทั้ง สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และออนไลน์ โดยผสมผสานการใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี ทีมงาน และเนื้อที่ ในการเผยแพร่เนื้อหา
แต่แน่นอนว่า ในโลกแห่งความจริง แค่ Newsroom Convergence คงไม่ใช่ “ดราก้อนบอล” ที่จะบันดาลได้ทุกอย่างอย่างที่ต้องการ เพราะทุกสังคมมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งลักษณะผู้รับสาร, ความต้องการของผู้บริโภค, วัฒนธรรมองค์กรข่าว ฯลฯ
“อ.สกุลศรี” กล่าวว่า การหลอมรวมในประเทศไทย มีลักษณะ 2 อย่าง 1.ขยาย platform (ช่องทาง) ทั้งเว็บไซต์หรือทีวี 2.รวมทุกสื่อที่มีอยู่มาทำงานด้วยกัน ซึ่งจะเป็นประเภทไหน ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ทั้งโครงสร้างองค์กร รวมถึงตัวผู้นำ, การปรับตัวของนักข่าว ต้องเพิ่มทักษะอะไรบ้าง, การเปลี่ยนทัศนคติคนในองค์กร ฯลฯ
“น.ส.อศินา” เปิดเผยว่า จากการศึกษา "การหลอมรวมห้องข่าว" ใน 3 องค์กรสื่อ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ทั้ง เดลินิวส์ เนชั่น และผู้จัดการ ได้ผลดังนี้
1.เนชั่น มีสื่อ 6 สื่อ ทั้งนสพ. ทีวี เว็บไซต์ การทำงานข้ามกัน มี “ถังข่าว” ที่ทุกสื่อหยิบมาใช้ได้ กำลังหลักมาจากสำนักข่าวเนชั่น หรือ NNA (Nation News Agency) จะเน้นทำข่าวทั่วไป ทำให้สื่อที่เหลือไม่ต้องมีนักข่าวทั่วไป เหลือแต่สายเฉพาะ ที่จะมีนักข่าวประจำ
นักข่าวเนชั่น 1 คนจะต้องทำงาน cross (ข้ามสื่อ) ได้ในตัวเอง ไม่ว่าจะนักข่าว นสพ. ทีวี เว็บไซต์ จะต้องผลิตข่าวมากกว่า 1 รูปแบบ ระหว่าง text (ตัวอักษร) ภาพนิ่ง คลิป ฯลฯ
2.เดลินิวส์ มีการปรับโครงสร้างองค์กร ต้นปี 2555 ด้วยการเปิดตัวทีวี จากเดิมที่มีเพียง นสพ.กับเว็บไซต์ ให้ความสำคัญกับคนเก่า แม้จะมีการรับคนใหม่เพิ่มเติม มาทำในส่วนทีวี ก่อนการเปลี่ยนแปลงจะมีการฝึกอบรม กระตุ้นให้เปลี่ยนทัศนคติ ด้วยการคุยกันแบบพี่น้อง เรียกง่ายๆว่า กล่อม
คีย์แมนสำคัญคือ “รีไรท์เตอร์” ที่เป็นคนประสานงาน เปลี่ยนข่าวให้ไปได้หลาย platform ส่วนนักข่าวในสนามต้องทำเร็วขึ้น แล้วเขียน 2 เวอร์ชั่น แบบสั้นให้เว็บไซต์ แบบยาวให้นสพ. แล้วส่งเข้าถังข่าว 2 ประเภท คือแบบสั้นหรือแบบยาว ส่วนนักข่าวทีวี ให้มาทำข่าวเจาะ เพราะข่าวทั่วไป นำมาจากนักข่าวภาคสนาม
3.ผู้จัดการ มีการหลอมรวมไปตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว นับแต่ตั้ง “กระทะข่าว” ขึ้นมาทำเว็บผู้จัดการออนไลน์ แล้วตั้งทีมงานแยก ทำข่าวป้อนเว็บไซต์โดยเฉพาะ ทำให้ติดตลาด เพราะข่าวเยอะ ข่าวเร็ว ทำให้คนดูเยอะ
ล่าสุดผู้จัดการจะ go digital เต็มตัว มีการรวบกอง บ.ก.จาก นสพ.และเว็บไซต์ให้เป็นกองเดียวกัน ยุติการทำสื่อกระดาษ ทั้งรายวันและรายเดือน
เธอเห็นว่า ปัจจัยสำคัญในการหลอมรวมจะอยู่ที่ “ผู้นำ” ทุกองค์กรจะมีแรงต้าน แล้วค่อยๆ น้อยลง เพราะผู้นำจะหาพวก จากนั้นคนที่สนใจ-มีทักษะจะเข้ามา และมีการบอกว่า ถ้าไม่ปรับก็อยู่ไม่ได้ เพราะคนจะอ่านนสพ.น้อยลง แล้วปลูกฝังว่า ถ้านักข่าวทำได้หลายอย่าง มูลค่าในตัวจะเพิ่มขึ้น นักข่าวหลายคนก็บอกว่าทำแล้วเริ่มสนุก เห็นผล ก็ทำต่อ
ด้าน “อ.สกุลศรี” กล่าวเสริมว่า พื้นฐานการหลอมรวมห้องข่าว มาจากทฤษฎี convergence continuum ที่มี 5 ขั้นตอน ได้แก่
1.cross-promotion ร่วมมือในการช่วยโปรโมตเนื้อหาในอีกสื่อ
2.cloning นำเนื้อหาในอีกสื่อไปเผยแพร่ซ้ำ โดยไม่ตัดทอน
3.co-coperation มีการปันข้อมูลระหว่างกัน
4.content sharing ทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนความเห็น ช่วยหาข่าว ทำข่าว
และ 5.convergence เมื่อกำแพงทลายลง ก็จะนำไปสู่การหลอมรวมอย่างสมบูรณ์
“และแม้เนชั่นกับผู้จัดการจะไปถึงขั้นที่ 3 แต่ยังไม่ร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์ แต่ละคนจะมีความรู้สึกว่า ฉันจะเอาสื่อของฉันก่อน อันไหน exclusive (ข่าวเฉพาะ) จริงๆ ขอเก็บไว้ก่อน ยังมีวัฒนธรรมแบบนั้น ทำให้เห็นว่า เป็นแค่บางกรณี เราทลายกำแพงได้ จะมาถึงขั้นที่ 4 แต่จะถึงขั้นนี้ได้ ต้องมีสถานการณ์ จำเป็น สำคัญ เร่งด่วน ต้องใช้ทีมงานเยอะๆ ต้องวางแผนร่วมกัน บางโปรเจ็คอาจมีการแชร์ budget (งบประมาณ) กันด้วย เช่น เลือกตั้ง น้ำท่วม ชุมนุม แต่ถ้าเป็นงาน routine (ข่าวทั่วไป) ความร่วมมือจะกลับไปขั้นที่ 3”
เธอกล่าวว่า จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารสื่อ ทุกองค์กรจะมุ่งให้นักข่าว 1 คนทำได้หลายๆ อย่าง (multi-skill) แต่ละองค์กรมีลักษณะย่อยแตกต่างกัน เช่น เนชั่น นักข่าวต้องทำได้ทุกอย่างมาก จะเป็น one man show ผู้จัดการต้องทำลง นสพ.กับเว็บไซต์ได้ ส่วนเดลินิวส์ เพิ่งจะมีทีวี อยู่ในช่วงปรับทักษะ เว้นแต่เหตุการณ์สำคัญจริงๆ ถึงจะมีการส่งทีมทีวีไปประกบกับทีม นสพ.
“โดยสรุปสิ่งที่เกิดจากการหลอมรวมของสื่อไทยจะมี 2 ลักษณะ คือ 1.multimedia convergence สื่อทำได้หลายช่องทาง หลายรูปแบบ หรือ 2.situational cooperation จะร่วมมือกันเวลามีข่าวสำคัญจริงๆ”
อาจารย์ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์รายนี้ กล่าวปิดท้ายว่า หากจะมีองค์กรสื่อ อีกสัก 1-2 องค์กร ต้องการหลอมรวมห้องข่าว มี 4 เรื่องที่ตอบโจทย์ เพราะไม่มีรูปแบบใดใช้ได้ตายตัวหมด ได้แก่ 1.หลอมรวมเชิงเทคนิค ทั้งเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ 2.หลอมรวมเชิงโครงสร้างองค์กร บางทีเลือกตั้งทีมใหม่ บางทีค่อยๆเชื่อม 3.หลอมรวมวิธีการทำงาน และ 4.หลอมรวมวัฒนธรรม
“ผู้บริหารทุกคนที่สัมภาษณ์จะบอกตรงกันว่า ข้อ 4.เนี่ยยากที่สุด ซึ่งก็ต้องอยู่ที่ความเด็ดเดี่ยวของผู้บริหาร ทำให้ดู ให้เห็นว่า ถ้าไม่ปรับ ก็อยู่ไม่ได้ และปัจจัยหลายอย่างๆ เช่น เทคโนโลยี ผู้รับสาร ฯลฯ ที่เปลี่ยนไป จะผลักดันให้นักข่าวต้องปรับตัว”
น่าสนใจว่า การฟิวชั่นห้องข่าว จะเป็น “ทางรอด” ของ “สื่อหลัก” ของไทย ในยุคใหม่ได้ จริงหรือไม่!!!