ถ้าผู้นำเอาจริง-ไม่เล่นพรรคพวก ปัญหา‘คอร์รัปชั่น’แก้ได้ชาตินี้!

“…เชื่อว่าหากทำได้หมด ก็แก้ได้ชาตินี้ถ้าทำไม่ได้ก็ชาติหน้า ได้แก่ เจตจำนงค์ของผู้นำที่ชัดเจนผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด, กระบวนการประสิทธิภาพขององค์การที่มีหน้าที่ตรวจสอบ เช่น กรณีสินบนโรลส์รอยซ์ ที่มีหลักฐานชัดเจนมาก แต่ต้องใช้ระยะเวลาสอบสวนยาวนาน ซึ่งไม่รู้ว่ากรณีปัญหาโรลส์รอยซ์จะเงียบไปแบบปัญหาเดิม ๆ ที่ผ่านมาหรือไม่…”

หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับมูลินิธิหมอเสม พลิ้วพวงแก้ว (โครงการสร้างคนดีมองการณ์ไกลไทยรุ่งเรือง ) จัดเสวนาในหัวข้อ “แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นชาตินี้หรือชาติหน้า” ณ ห้องเสวนาชั้น 2 อาคารสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

@ ‘วีระ’ ชงใช้ ม.44 ฟ้องคดีทุจริตต่อศาลโดยตรง-ถ้าเลือกปฏิบัติต้องรอชาติหน้า

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนด้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า ถ้าหากวิธีคิดของคนในสังคมและองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบคอรัปชั่น ยังอยู่ใต้อำนาจรัฐระบบอุปถัมภ์เข้ามามีอิทธิพลในการทำงาน ก็ต้องรอชาติหน้า ตราบใดที่ผู้นำรัฐบาล คนใกล้ชิดและพวกพ้องทุจริตเสียเอง ไม่มีความจริงจังในการแก้ไขปัญหาจากต้นต้นเหตุ เช่น กรณีสินบนโรลส์รอยซ์ก็แก้ไขอายุความให้มีผลเอาผิดทันที

นายวีระ เสนอวิธีแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น คือ ทำให้ผลตอบแทนมีความเสี่ยงที่จะไม่คุ้มค่า และการแก้สิทธิ์ในกระบวนการขั้นตอนในการฟ้องร้องหรือร้องเรียนต่อศาลโดยตรงที่สามารถทำได้ทันที โดยเสนอให้ใช้อำนาจจาก ม.44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ในการบังคับใช้ข้อเสนอดังกล่าว

@พัฒนาการคอร์รัปชั่นทางจริยธรรม

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติเหยื่อวีรชน พฤษภา 2535 กล่าวว่า พยายามทักท้วงรัฐบาลชุด คสช. ในปัจจุบันให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมักถูกต่อต้านเสมอ ภายหลังการปฎิรูปรัฐประหารได้เกิดข้อทักท้วงจาก ประชาชนในเรื่องของกรณีสินบนโรลส์รอยซ์ ที่มีใบเสร็จรับเงินที่เห็นประจักษ์ได้ชัดเจน เห็นได้ว่า ปัจจุบันมีการพัฒนาการคอรัปชั่นทางจริยธรรมเกิดขึ้น อีกทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องมักเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ

@ถ้าผู้นำทำมากกว่าพูดแก้ได้ชาตินี้แน่

นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา มองว่า จากประสบการณ์ทำข่าวมากว่า 30 ปี พบว่า ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ดีเสนอ 4 ปัจจัยหลักที่เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เชื่อว่าหากทำได้หมด ก็แก้ได้ชาตินี้ถ้าทำไม่ได้ก็ชาติหน้า ได้แก่ เจตจำนงค์ของผู้นำที่ชัดเจนผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด, กระบวนการประสิทธิภาพขององค์การที่มีหน้าที่ตรวจสอบ เช่น กรณีสินบนโรลส์รอยซ์ ที่มีหลักฐานชัดเจนมาก แต่ต้องใช้ระยะเวลาสอบสวนยาวนาน ซึ่งไม่รู้ว่ากรณีปัญหาโรลส์รอยซ์จะเงียบไปแบบปัญหาเดิม ๆ ที่ผ่านมาหรือไม่

อีกทั้งปัญหาเรื่องการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมาขอชื่นชม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่สร้างระบบค้นหาข้อมูลแต่ปัญหาที่พบคือข้อมูลที่ค้นหาได้ก็ยังไม่ครบถ้วน และปัญหาจากการขอข้อมูลจากกรมบัญชีกลางที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ยอมให้เปิดเผยข้อมูล เช่น กรณีบัญชีทรัพย์สินของปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น

“สุดท้ายที่สำคัญคือการตื่นตัวของพลเมือง เพราะพื้นฐานสังคมไม่ได้ตื่นตัวจริง ๆ และปัจจุบันพบว่า เวลามีการโพสต์ข่าวชิ้นหนึ่งลงในสื่อโซเชี่ยลมีเดียก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงโดยขาดความรู้รอบด้าน นักรบคีย์บอร์ดเก่งมาก แต่สู้จริง ๆ หายหมด”

@ทุจริตเกิดไม่ได้ถ้าข้าราชการไม่เอาด้วย

นางรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระบุว่า การแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นเป็นเจตจำนงค์ทางการเมืองในส่วนของผู้บริหารและประชาชน เชื่อว่าอำนาจที่ปราศจากการตรวจสอบก็จะเกิดช่องทางการคอร์รัปชั่น ประชาชนจึงเป็นกำลังสำคัญในการมีส่วนช่วยให้เกิดการปราบปราบการทุจริตคอรัปชั่น และถ้าไม่มีการทุจริต หรือทุจริตให้น้อยที่สุด มันจะมีเงินภาษีที่ใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศจำนวนมาก

“การทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการจะเกิดไม่ได้ ถ้าข้าราชการไม่เห็นด้วย ข้าราชการเป็นผีบ้าน นักการเมืองเป็นผีป่า ถ้าคุณไม่อ่อนแอ ผีป่าก็เข้ามาทำอะไรคุณไม่ได้” นางรสนากล่าว