ความเป็นธรรมของ กสทช. ในการเลือกใช้ ม. 44 ของ คสช.
หาก กสทช. เสนอให้ คสช. ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่าย 20-50% ที่เคเบิลท้องถิ่นต้องลงทุนไปเพื่อปฎิบัติตามคำสั่งการเผยแพร่ช่องรายการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปช่อง 1-36 ปัญหาการไม่ปฎิบัติตามคำสั่งดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น และผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นก็จะยังคงเป็นเด็กดีของ กสทช.
ประกาศ คสช. ฉบับที่ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ
กสทช. หมดอำนาจ จึงเลือกใช้ ม. 44 ช่วยทีวีดิจิตอล
การประกาศของ คสช. โดยใช้ ม. 44 ดังกล่าวน่าจะเป็นการนำเสนอโดย กสทช. เพื่อขอให้คสช. ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติเป็นการเฉพาะ โดยมีช่องทีวีสาธารณะได้ประโยชน์ด้วยเป็นของแถม หลังจากที่กสทช. ได้ใช้อำนาจของตนเองอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆกับกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลทางธุรกิจ 24 ช่องอย่างเต็มที่แล้วแต่กลุ่มช่องทีวีดิจิตอลดังกล่าวก็ยังประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินการกสทช. จึงจำเป็นต้องขอใช้อำนาจสูงสุดที่มีอยู่ของประเทศ ที่มีความเด็ดขาดไม่สามารถจะโต้เถียงหรือฟ้องร้องดำเนินคดีในทางศาลได้ มาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมประเด็นที่จะกล่าวเป็นการเฉพาะในบทความนี้คือ ประเด็นในข้อ 6 เรื่องการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปผ่านดาวเทียมเป็นเวลา 3 ปีโดยประเด็นอื่นๆจะยังไม่ขอพูดถึง
เหตุผลที่ใช้ในการออกคำสั่งในการออกคำสั่งดังกล่าว กสทช. โดย คสช. ได้พยายามอธิบายถึงความจำเป็นของการใช้ม. 44 ในการออกคำสั่งดังกล่าวมี 3 ข้อคือ
ข้อ 1 การประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ"มีการแข่งขันในรูปแบบที่หลากหลาย"
ข้อ 2 ผลกระทบจาก"สภาวะเศรษฐกิจของประเทศ" ที่ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการที่ "สุจริต" ทำให้ไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
ข้อ 3 การส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย ถูกต้อง ครบถ้วนและปราศจากการบิดเบือนยังมีความสำคัญทั้งในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติการส่งเสริมความสามัคคีและสมานฉันท์ของประชาชน
ช่วยเฉพาะระบบให้บริการผ่านดาวเทียม จึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมให้โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป "ผ่านดาวเทียม" สามารถดำเนินการได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพซึ่งมาตรการในการส่งเสริมนี้จะ"เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชน" และยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ดูเฉพาะคำสั่งในข้อ 6 เท่านั้น เพื่อเป็นการจำกัดขอบเขตในการเขียนบทความนี้ จะพิจารณาเฉพาะคำสั่ง คสช. ในข้อ 6 เพียงข้อเดียวส่วนข้ออื่นๆจะยังไม่นำมาพิจารณาดังต่อไปนี้
ข้อ 6. ให้ กสทช. และสำนักงาน กสทช. หรือคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ แล้วแต่กรณี"จัดให้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปผ่านดาวเทียม" ตามประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป เป็นระยะเวลา 3 ปี
การดำเนินการตามวรรคหนึ่งให้ใช้จ่ายเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะโดยให้คำนึงถึงการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนและครอบคลุมถึงบริการโทรทัศน์สาธารณะที่นำรายการมาออกอากาศผ่านดาวเทียมซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนชาวไทยในประเทศและที่พำนักในต่างประเทศได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างทั่วถึงต่อเนื่อง และหลากหลาย
สนับสนุนเฉพาะช่องทางผ่านดาวเทียมเท่านั้น จากเหตุผลข้างต้นที่ คสช. ใช้ในการกล่าวอ้างในการสั่งการให้ กสทช. จ่ายเงินสนับสนุนกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลที่ให้บริารเป็นการทั่วไปทั้งทีวีสาธารณะ และ ทีวีทางธุรกิจช่องที่ 1-36 ได้รับเงินสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าสัญญาณดาวเทียมไทยคม เป็นเวลา 3 ปีเพื่อเผยแพร่ช่องรายการ Must Carry ผ่านช่องทางโทรทัศน์ดาวเทียมเพียงช่งทางเดียว
โครงข่ายใดมีหน้าที่ในการเผยแพร่กลุ่มช่องทีวีดิจิตอล ความจริงการเผยแพร่กลุ่มช่องโทรทัศน์ที่ให้บริการทั่วไปช่อง 1-36 ตามกฎ Must Carry เป็นหน้าที่ตามคำสั่งของ กสทช. ที่สั่งการให้กลุ่มผู้ให้บริการโครงข่ายที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ที่ประกอบด้วย กลุ่มโครงข่ายจานดาวเทียมและกลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นจะต้องนำไปเผยแพร่แต่การจะนำไปเผยแพร่ตามคำสั่งดังกล่าวต้องไม่สร้างภาระให้กับกลุ่มโครงข่ายจานดาวเทียม และกลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่น เกินสมควร
ดังนั้น กลุ่มช่องทีวีดิจิตอล 1-36 จึงมีหน้าที่ต้องนำส่งสัญญาณไปให้กลุ่มโครงข่ายที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ดังนี้
ข้อ 1 กลุ่มโครงข่ายดาวเทียม กลุ่มช่องทีวีดิจิตอล 1-36 มีหน้าที่ต้องไปเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมไทยคมเพื่อให้กลุ่มโครงข่ายดาวเทียมสามารถนำไปเผยแพร่ได้โดยไม่เป็นภาระของกลุ่มโครงข่ายดาวเทียมในเรื่องนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มช่องทีวีดิจิตล 1-36 คสช. จึงสั่งให้ กสทช. สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าช่องสัญญาณจากดาวเทียมไทยคมแทนกลุ่มกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลช่อง 1-36 เป็นเวลา 3 ปี
ข้อ 2 กลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นการจะให้บริการช่องทีวีดิจิตอล 1-36 ตามคำสั่งของ กสทช.
กลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นจะต้องลงทุน 2 ส่วนคือ
2.1) ติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณที่สถานีส่งสัญญาณ(Headend) ทั้งห้องส่งระบบแอนะล็อกและห้องส่งระบบดิจิตอล
2.2) แบ่งความถี่ที่ให้บริการผ่านโครงข่ายสายเคเบิลทีวี (Network) ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กับช่องทีวีดิจิตอลช่อง 1-36 โดยหากเป็นการให้บริการในระบบแอนะล็อกจะต้องแบ่งความถี่ประมาณ 50% ของความถี่ที่มี ให้กับกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลและหากเป็นการให้บริการในระบบดิจิตอลจะต้องแบ่งความถี่ประมาณ 20% ของความถี่ที่มี ให้กับกลุ่มช่องทีวีดิจิตอล
กลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา กสทช. กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกลุ่มโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นที่จะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายแทนกลุ่มช่องทีวีดิจิตอล 1-36 ทั้งๆที่ค่าใช้จ่ายใน 2 ส่วนนี้ควรเป็นภาระของกลุ่มช่องทีวีดิจิตอล 1-36 ซึ่งการต้องดำเนินการดังกล่าวถือเป็นภาระที่หนักเกินกว่าผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นจะสามารถรับได้ทำให้มีผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นหลายรายไม่ยอมปฎิบัตตามส่วนรายที่ยอมปฎิบัตตามคำสั่ง กสทช. ก็ต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายแทนกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลจนถึงปัจจุบัน
ม. 44 ไม่สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่น และเมื่อ คสช. ออกคำสั่งให้ กสทช. เป็นผู้จ่ายเงินสนับสนุนการเช่าดาวเทียมไทยคมแทนกลุ่มทีวีดิจิตอล เป็นเวลา 3 ปีเพื่อเผยแพร่ในระบบโครงข่ายดาวเทียมกสทช. กลับไม่เสนอให้ คสช. ออกคำสั่งเพื่อให้ กสทช. ให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นต้องเป็นผู้รับภาระลงทุนด้วยเงินของตนเอง20-50% ของเงินที่ลงทุนทั้งหมดเพื่อให้การสนับสนุนการเผยแพร่ช่องทีวีดิจิตอล1-36 ตามคำสั่งดังกล่าวของ กสทช.
ความยุติธรรมยังมีอยู่หรือไม่ จึงมีคำถามไปยัง กสทช. ว่า ในเมื่อ กสทช. สั่งให้โครงข่ายที่ไม่ใช้คลื่นความถี่(ดาวเทียมและเคเบิลท้องถิ่น) มีหน้าที่ต้องนำช่องทีวีดิจิตอล 1-36 ไปเผยแพร่ทำไมการทำหน้าที่เผยแพร่ดังกล่าวบนโครงข่ายเคเบิลท้องถิ่นผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นจึงต้องเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายแทนกลุ่มทีวีดิจิตอล 1-36 ขณะที่การเผยแพร่บนโครงข่ายดาวเทียมกลุ่มช่องทีวีดิจิตอล 1-36 จะต้องเป็นผู้รับภาระเองจนเป็นที่มาของการออกคำสั่ง คสช. เพื่อสั่งการให้ กสทช. ต้องทำหน้าที่รับภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเผยแพร่บนโครงข่ายดาวเทียมแทนกลุ่มทีวีดิจิตอล 1-36 เป็นเวลา 3 ปี
ทำไม กสทช. จึงอยากทำร้ายเคเบิลท้องถิ่น
ยิ่งเมื่อเห็นคำสั่งของสำนักงาน กสทช. ตามเอกสารที่ สำนักงาน กสทช. ส่งถึงผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นฉบับลงวันที่ 2 ธันวาคม 2559 เรื่องแจ้งผลการติดตามตรวจสอบการเผยแพร่บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปซึ่งเป็นเรื่องการทวงถามให้ผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่น จะต้องเผยแพร่กลุ่มช่องทีวีดิจิตอล1-36 ตามคำสั่ง กสทช. อย่างเคร่งครัดหากรายใดไม่ดำเนินการจะต้องถูกลงโทษในทางปกครองตั้งแต่ปรับวันละ 20,000 บาทจนถึงยึดใบอนุญาต งานนี้คิดแล้วก็ปวดใจ ที่กสทช. ไม่เคยให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นเลย
ถึงเวลาหรือยังที่ กสทช. จะเข้ามาช่วยเคเบิลท้องถิ่น...จริงๆ
หาก กสทช. เสนอให้ คสช. ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนของผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่าย 20-50% ที่เคเบิลท้องถิ่นต้องลงทุนไปเพื่อปฎิบัติตามคำสั่งการเผยแพร่ช่องรายการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปช่อง 1-36 ปัญหาการไม่ปฎิบัติตามคำสั่งดังกล่าวก็จะไม่เกิดขึ้น และผู้ประกอบกิจการเคเบิลท้องถิ่นก็จะยังคงเป็นเด็กดีของ กสทช. ต่อไป