โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ: สอนให้ ‘คิดก่อนพูด’ เป็นผู้มีพาทีสติรั้ง
โบราณสอนว่า คนเราก่อนจะพูดหรือกระทำสิ่งใด ควรจะคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะหากผิดพลาดพลั้งไป ผลลัพธ์อาจย้อนกลับมาทำลายเราภายหลังได้ ถึงเวลานั้นคงยากจะแก้ไขในข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที
สำหรับวงการบันเทิงไทยมีดาราหลายคนเคยแสดงพฤติกรรม ‘ไม่คิดก่อนพูด’ ทำให้หลายครั้งถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนและสังคมถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งบางคนที่รู้สึกผิดก็ออกมาขอโทษขอโพย แต่บางคนที่ไม่รู้สึกผิดก็โดนแบนไปตามระเบียบ
ทั้งนี้ แลดูไม่ต่างอะไรกับผู้นำประเทศ ผู้นำเมือง หรือผู้นำท้องถิ่น ของไทย ซึ่งเรามักพบเห็นพฤติกรรมที่คล้ายคลึงลักษณะนี้บ่อยครั้งและดูเหมือนเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้น
อย่างกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงเหตุการณ์เสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวกับการเเต่งชุดบิกินี่ ทำให้ถูกกระเเสสังคมตำหนิ จนต้องออกมาขอโทษ พร้อมยืนยันไม่ได้ดูถูกหรือกล่าวว่าใคร เเละยอมรับผิดโดยดี
อีกกรณีหนึ่ง เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อคุณชายหมู ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.หลุดคำพูดประชดประชันคนเมืองหลวง "ถ้าไม่อยากมีจุดเสี่ยงเรื่องน้ำท่วมให้ไปอยู่ดอย" ภายหลังฝนตกหนักถล่มกรุงจนน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ทำให้ถูกกระเเสสังคมตำหนิเช่นกัน จนต้องออกมาเเก้ข่าวว่า "พูดเล่น"
'คิดก่อนพูด' ไม่ใช่ 'พูดก่อนคิด' จึงเป็นเรื่องสำคัญต้องควรตระหนัก ซึ่งหลักคำสอนที่เกี่ยวเนื่อง ควรนำไปปรับใช้ ได้ปรากฏในหนังสือประชุมโคลงสุภาษิตในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั่นคือ ‘โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ’ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์แปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นโคลงสี่สุภาพ มีบทนำ 1 บท เนื้อเรื่อง 10 บท และบทสรุป 1 บท
เนื้อหามุ่งเน้นข้อแนะนำทางด้านมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม เพื่อปกป้องไม่ให้มนุษย์ต้องเสียใจกับพฤติกรรมของตนเอง สอนให้รู้จักอดกลั้น ไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนพูด หรือกระทำสิ่งใด ในยามโกรธให้ระงับวาจาไว้ก่อน เมื่อได้พิจารณาแล้วจึงค่อยพูด นอกจากนี้ยังสอนให้รู้จักการกล่าวขอโทษ ยอมรับในความผิดอีกด้วย
ดังเช่น...
คำพูดที่ผ่านกระบวนคิด ไตร่ตรองมาแล้ว ย่อมทำให้ผู้ฟังรับรู้ได้ถึงความไพเราะและเหมาะสมต่อกาลเทศะหรือสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง เปรียบเสมือนผ่านการเขียนร่างมาแล้ว ฉะนั้นเมื่อได้ฟังจึงคล่องหู และไม่เป็นพิษภัยต่อใคร
หากเมื่อใดมีอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ ควรระงับยับยั้งวาจาให้อยู่ก้นบึ้งเบื้องลึกหัวใจ แล้วไตร่ตรองหรือกลั่นกรองภาษาที่จะสื่อสารออกมาให้ดี เพื่อไม่ให้เสียหายได้ภายหลัง
อีกประการหนึ่ง คือ เมื่อใดที่กระทำผิดจริงต้องรู้จักขอโทษ ยอมลดทิฐิที่มีอยู่อ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อไม่ให้บาดหมางกันภายหลัง ดีกว่าพูดเท็จ เพื่อหวังแก้ตัวไปเรื่อย ๆ
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ จาก 3 ใน 10 บท ที่สามารถประยุกต์ใช้ในการครองชีวิต โดยเฉพาะ ‘ผู้นำ’ หรือ ‘บุคคลสาธารณะ’ จำเป็นอย่างยิ่งต้องให้ความสำคัญ และผมเชื่อเหลือเกินว่า เมื่อนำไปใช้แล้ว ทุกอย่างย่อมดีขึ้น
หากไม่สนใจหรือใส่ใจกับการครองชีวิตอย่างมีโลกทัศน์แล้ว ก็ยากจะนับถือเป็นแบบอย่างของมนุษย์ที่ดี เเล้วจะให้ชี้นำทางผู้ด้อยกว่าได้อย่างไรกัน เพราะเขาเหล่านั้นยังควบคุมสติอารมณ์ วาจา หรือพฤติกรรมไม่ได้เลย
เมื่อถึงคราพลาดพลั้งเสียที จะออกมาเเก้ต่างเเก้ตัว ขอโทษขอโพย หากนาน ๆ ครั้งก็ให้อภัยได้ เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีจุดบกพร่อง เเต่บ่อยครั้งเกินไป คำว่า 'อภัย' คงจะหยิบยื่นยากเสียเเล้ว เเละอาจทำลายเราไปตลอดชีวิต
ดังคำที่ว่า "คนเราทำดีมาตลอดชีวิต ผิดพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว อาจทำลายเราไปตลอดชีวิตเช่นกัน"
เชิญติดตามข่าวสารวงการบันเทิงจากเเฟนเพจ พราวกระซิบ