โศกนาฎกรรมของผืนป่าสาละวิน!
ต้นสักอายุนับร้อยปีหักโค่นเหยียดยาวหันปลายไปทางลำห้วย ลำต้นถูกบั่นเป็นท่อนๆเพื่อเตรียมชักลาก เหลียวมองขึ้นไปบนเนินเขาเห็นตอไม้ขนาดใหญ่เรียงราย แต่หาลำต้นไม้เจอแล้ว ห่างออกไป 200 เมตรมีไม้แปรรูปหลายร้อยแผ่นกองเป็นพะเนินอยู่ ติดๆกันนั้นมีกองปีกไม้ขนาดใหญ่วางสุมอยู่ ในบริเวณเวณเดียวกันยังพบเลื่อยวงเดือนและเครื่องยนต์ 2 เครื่องถูกทิ้งไว้ข้างๆกองขี้เลื่อยกองมหึมา
ภาพที่ผมเห็นนี้เกิดขึ้นกลางป่าสงวนแห่งชาติป่าสาละวิน โดยเมื่อวาน(15 เมษายน 2557) ผมมีโอกาสขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทหารไปตรวจดูการลักลอบตัดไม้ในผืนป่าสาละวิน อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
จุดแรกที่เขาพาไปดูคือบริเวณใกล้บ้านแม่แคะหลวง ซึ่งตรวจพบต้นสักที่ถูกตัดโค่น ไม้ท่อนและไม้แปรรูปจำนวนมาก ซึ่งเห็นแล้วชวนสลดใจในโศกนาฏกรรมของผืนป่าแห่งนี้เป็นอย่างมาก ต้นไม้ใหญ่อายุยืนยาวมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดต้องมาพบจุดจบโดยการถูกโค่นทำลายไปในช่วงเวลาสั้นๆ
ระหว่างนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์เหนือผืนป่า สามารถพบเห็นร่องรอยการชักลากไม้ได้ทั่วไป โดยเฉพาะเส้นทางการชักลากไม้ลงจากเขาเพื่อไปยังแม่น้ำสาละวินที่ยังเห็นรอยเลื่อมใหม่
ภาพมุมสูงในเขตป่าสงวน ยังพบเห็นต้นสักขนาดใหญ่จำนวนไม่น้อยซึ่งขณะนี้ใบร่วงเหลือแต่ต้นและกิ่งก้าน ขณะที่การลักลอบตัดไม้สักสามารถสังเกตเห็นได้ทั่วไป
อีกจุดหนึ่งที่กองกำลังทหารพรานที่ 36 พาไปดูคือบริเวณห้วยแห้ง ซึ่งเป็นดงป่าสัก เข้าใจว่าขบวนการลักลอบตัดไม้เพิ่งเข้าไปทำงานกันได้ไม่นาน เพราะยังเหลือต้นสักขนาดใหญ่อีกจำนวนมากที่ยังอยู่เป็นปกติสุข แต่ก็มีท่อนสักจำนวนไม่น้อยถูกลากมากองรวมกันเพื่อเตรียมลากต่อไปยังลำน้ำสาละวินที่อยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร
ผมพยายามตั้งคำถามกับผู้ที่เกี่ยวข้องถึงขบวนการลักลอกตัดไม้กลุ่มนี้ แต่คำตอบที่ได้ยังไม่สามารถนำไปปะติดปะต่อเรื่องได้มากนัก แต่ดูท่าแล้วการจะลากคอคนที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้เข้าคุกคงไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะตัวการใหญ่ เพราะในส่วนของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเอง ยามนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง
ผมคิดว่าช่องทางหนึ่งที่น่าจะทำโดยเร็วคือให้ดีเอสไอเข้ามาทำคดีนี้ ที่สำคัญคือหน่วยงานกลางควรย้ายผู้รับผิดชอบในพื้นที่ออกมาก่อน เพราะขณะนี้มีเสียงเล่าขานกันมากมายถึง “เด็ก”ของนายทุนในคราบข้าราชการ โดยเฉพาะบางหน่วยงานที่ทำตัวเงียบผิดปกติมาก
เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส
ขณะเดียวกันการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องหารือกับกองกำลังอีกฟากฝั่งของแม่น้ำสาละวินในการร่วมมือกันตั้งจุดสกัดริมแม่น้ำสำหรับแพไม้สักที่ถูกล่องเข้าไปในเขตพม่าทุกค่ำคืน เพราะหากเส้นทางลำเลียงถูกสกัดกั้นแล้ว ขบวนการฯย่อมไม่มีช่องทางส่งไม้ออกไปได้ การขนย้ายท่อนไม้สักก็ไม่มีความจำเป็น
หลังเทศกาลสงกรานต์เชื่อว่ากรณีลักลอบตัดไม้ในป่าสาละวินคงได้รับความสนใจและ “ตื่นตูม”จากผู้บริหารกระทรวงและหน่วยงานที่รับผิดชอบพอสาควรเพราะข่าวและภาพข่าวครึกโครมมาก
ถึงเวลาต้องมาช่วยกันคิดว่า ทำอย่างไร โศกนาฏกรรมในผืนป่าแห่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
อย่าให้เหมือนกับการโยนก้อนหินลงน้ำที่เต็มไปด้วยจอกแหน เพียงชะแว๊บเดียวจอกแหนที่กระจายตัวก็กลับมาบดบังผิวน้ำเหมือนเดิมอีก