แกะรอยเงินสดๆ 68 ล้าน“ยิ่งลักษณ์”(ล่องหน)อยู่ ณ หนใด?
เคยเขียนเรื่อง “คำถามที่”ยิ่งลักษณ์”ยังไม่(กล้า?)ตอบ”(คลิกดู) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
หนึ่งในคำถามดังกล่าวคือ เงินสดๆ 68 ล้านบาทที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ว่าที่)นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกอ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของเงินปันผลจากการถือครองหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น จำนวน 20 ล้านหุ้นนั้นถูกนำไปใช้ทำอะไรที่ไหน และอย่างไร
คำถามดังกล่าว มิได้เกิดขึ้นลอยๆแต่สืบเนื่องมาจากคดียึด ทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน46,373ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็น “นอมินี”หรือผู้ถือหุ้น บมจ. ชินคอร์ป จำนวน 20 ล้านหุ้น แทน พ.ต.ท.ทักษิณซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณโอนหุ้นดังกล่าวให้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2543
ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับเงินปันผลจากหุ้นชินคอร์ป ตั้งแต่ปี 2547-2548 รวม 6 งวด เป็นเงินรวม 97.49 ล้านบาทโดยงวดที่ 1-3 จ่ายคืน พ.ต.ท.ทักษิณอ้างเป็นเงินค่าหุ้น 20 ล้านบาท
และเงินปันผลที่เหลืออีก 2.5 ล้านบาท จ่ายเช็คให้ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรอ้างว่าเป็นการคืนเงินที่ฝากซื้อนาฬิกาจากต่างประเทศ(คลิกดู “ยิ่งลักษณ์”กับคดียึดทรัพย์”ทักษิณ”)
แต่งวดที่ 3-6 ปี 2547-2548 เป็นเงิน 70.1 ล้านบาทซึ่ง บมจ.ชินคอร์ปจ่ายเป็นเช็ค 44 ฉบับนั้น น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ นำเช็คเพียง 2ฉบับเป็นเงินจำนวน 2.1ล้านบาทเข้าบัญชีตนเอง
ส่วนที่เหลือ 68 ล้านบาท ใช้เช็คเงินสด 42 ฉบับ ถอนเงินออกจากบัญชีตนเองจำนวน 41 ครั้งต่อเนื่องกันเกือบทุกวันในแต่ละงวดเกือบทันทีที่ได้รับเงินปันผล ครั้งละ 1 ล้าน 1.5 ล้าน และ 2 ล้านบาท ฯลฯ จนเกือบหมดทุกครั้ง ตามรายละเอียดดังนี้
เงินปันผลงวดที่ 3 ได้รับจำนวน 16.2 ล้านบาทเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2547จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 10 ครั้ง รวม 14.2 ล้านบาท ได้แก่
1.ถอนวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 26 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 28 พฤษภาคม 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 จำนวน 1 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 1 มิถุนายน 2547 จำนวน 1.5 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 3 มิถุนายน 2547 จำนวน 0.3 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 7 มิถุนายน 2547 จำนวน 0.9 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 4 ได้รับจำนวน 16.56ล้านบาทเมื่อวันที่ 10 กันยายน2547จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 9 ครั้ง รวม 15.36 ล้านบาทได้แก่
1.ถอนวันที่ 16 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 17 2กันยายน 2547 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 17 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 20 กันยายน 2547 จำนวน 1.6 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 21 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 22 กันยายน 2547 จำนวน 1.7 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 23 กันยายน 2547 จำนวน 2 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 24 กันยายน2547 จำนวน 2 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 27 กันยายน 2547 จำนวน 0.56 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 5 ได้รับจำนวน 19.44 ล้านบาทเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2548 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 11ครั้ง รวม 17.94 ล้านบาท ได้แก่
1.ถอนวันที่ 18 เมษายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 20 เมษายน 2548 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 21 เมษายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 22 เมษายน 2548 จำนวน 1.4 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 25 เมษายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 26 เมษายน 2548 จำนวน 1.6 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 27เมษายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 28 เมษายน 2548 จำนวน 1 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 29 เมษายน 2548 จำนวน 1.44 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
11.ถอนวันที่ 6พฤษภาคม 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
เงินปันผลงวดที่ 6 ได้รับจำนวน 22.5 ล้านบาทเมื่อวันที่ 7 กันยายน2548 จากนั้นมีการใช้เช็คเงินสดถอนออกมา 9 ครั้ง รวม 19 ล้านบาทได้แก่
1.ถอนวันที่ 13กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
2.ถอนวันที่ 14กันยายน 2548 จำนวน 1.5ล้านบาท
3.ถอนวันที่ 15 กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
4.ถอนวันที่ 16 กันยายน 2548 จำนวน 1.4 ล้านบาท
5.ถอนวันที่ 19 กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
6.ถอนวันที่ 20กันยายน 2548 จำนวน 1.6 ล้านบาท
7.ถอนวันที่ 21 กันยายน 2548จำนวน 1.5 ล้านบาท
8.ถอนวันที่ 22 กันยายน2548 จำนวน 2 ล้านบาท
9.ถอนวันที่ 23 กันยายน 2548 จำนวน 2 ล้านบาท
10.ถอนวันที่ 26 กันยายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
11.ถอนวันที่ 27 กันยายน 2548 จำนวน 1.5 ล้านบาท
เพื่อพิสูจน์ว่า ตนเองมิได้เป็น “นอมินี”ของ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส. ยิ่งลักกษณ์อ้างต่อศาลฎีกาฯว่า ว่า นำเงินไปตกแต่งบ้านทำสวน ทำสนามฟุตบอลและสระว่ายน้ำประมาณ 20 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 6 ล้านบาท ซื้อทองคำแท่ง 13 ล้านบาท ซื้อเครื่องเพชรและเครื่องประดับ 11ล้านบาทซื้อเงินตราต่างประเทศประมาณ 10 ล้านบาทและสำรองไว้ที่บ้าน 8 ล้านบาท มิได้นำส่งคืน พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ
แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีหลักฐานใดที่เกี่ยวกับการใช้เงินสดมากถึง 68 ล้านบาท มาแสดง ศาลฎีกาฯ สรุปว่า ข้ออ้างจึงรับฟังไม่ได้
นอกจากจากพฤติกรรมการถอดเงินสดๆนับล้านติดต่อกันเกือบทุกวันข้างต้นแล้ว ปรากฏว่า ผู้ที่ไปถอนเงินสดดังกล่าวจากธนาคารเป็นทีมงานเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมานทั้งสิ้น
อาจมีผู้โต้แย้งว่า เมื่อเป็นเงินปันผลของน.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว เจ้าของเงินจะถอนไปทำอะไรและอย่างไรก็ย่อมเป็นสิทธิที่จะทำได้ ซึ่งคงไม่มีใครเถียง
แต่คำถามคือ ในฐานะนักธุรกิจที่ทำธุรกิจอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา และเป็นผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พฤติกรรมการเบิกถอนเงินสดๆในลักษณะดังกล่าว น่าสงสัยหรือไม่
และการเบิกถอนเงินสดในลักษณะดังกล่าวสอดคล้องกับข้ออ้างของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในการใช้เงินซ่อมบ้าน ซื้อเครื่องประดับ ซื้อทองคำแท่ง และซื้อเงินตราต่างประเทศที่ต้องหอบเงินสดๆไปซื้อหรือ?
การกระทำดังกล่าว อาจทำให้ถูกสงสัยว่า กระทำเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือไม่
มีอะไรหรือที่ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่กล้าพูด”ความจริง” ทั้งๆที่ประกาศตัวว่า จะรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของครอบครัว
ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถทำเรื่องนี้ให้กระจ่างแล้ว ระวังจะกลายมาเป็นหอกทิ่มแทงตนเองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โดยเฉพาะการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)